
“รู้สึกตัว”
คือการรู้สึกสัมผัสทางกาย…
ไม่ต้องคิด ไม่ต้องพูดในใจ ไม่ต้องเรียกชื่อมันด้วยซ้ำว่า“รู้สึก”
แค่รู้สึกที่กาย…
รู้สึกขณะร่างกายเคลื่อนไหว
รู้สึกแม้ในขณะร่างกายหยุดนิ่ง
ไม่ว่าจะอยู่ในอิริยาบถใด — ยืน เดิน นั่ง หรือนอน
ร่างกายก็สามารถเป็นที่ตั้งของความรู้สึกตัวได้ทั้งสิ้น
การรู้สึกตัวแบบนี้
ไม่ต้องอาศัยความคิดไป “รู้”
เพราะร่างกายสามารถรู้สึกสัมผัสของมันเองได้
โดยไม่ต้องผ่านกระบวนการคิด หรือถ้อยคำใด ๆ
ไม่ต้องนึก ไม่ต้องบอกว่า “กำลังรู้สึก”
ไม่ต้องใช้คำพูดในใจเลย
เป็นความรู้สึกล้วน ๆ — ที่ไม่มีความคิดมาแทรก
ไม่ว่าจะเป็นการเคลื่อนไหว 14 จังหวะ
ที่หลวงพ่อเทียนท่านแนะนำ
หรือการก้าวเดิน สัมผัสพื้น
การลูบตัว เคาะตัว ให้รู้สึกถึงอาการสะเทือน
ไม่ว่าท่าทางใด ก็ล้วนเป็นช่องทางให้รู้สึกตัวได้ทั้งนั้น
เพราะสาระไม่อยู่ที่ท่าทาง แต่อยู่ที่การรู้สึก
เมื่อรู้สึกอยู่กับกาย
ความคิดก็ไม่ปรุงแต่ง
เมื่อความคิดไม่ปรุงแต่ง
จิตก็เกิดความสงบขึ้นมา
สงบจากความคิด สงบจากอารมณ์
นี่แหละ…คือ “สมาธิ” ที่แท้จริง
เหมือนคนที่พูดน้อย คิดน้อย
ไม่ส่งจิต ส่งใจออกนอก
ก็จะกลับมาอยู่กับเนื้อกับตัว
และจากจุดนั้นเอง…
เราก็จะเริ่ม “รู้จักตัวเอง” หรือ เห็นตัวเอง
เห็นตัวเองแล้ว ก็ไม่จำเป็นต้อง
วิพากษ์วิจารณ์ คิดปรุงแต่งไปให้มาก
ให้เกิดเป็นอารมณ์ ดีใจเสียใจขึ้นมา
จะเป็นการสิ้นเปลืองความคิด และอารมณ์
จะกลายเป็นยิ่งรู้ ยิ่งทุกข์
ยิ่งไหลไปในความคิด
เพราะไม่ทันความคิดที่วิจารณ์ตัวเอง
แต่หากเรา “รู้เห็นความคิด”
ด้วยใจที่ไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยว
นั่นแหละคือ “ปัญญา”
และปัญญานั้นเองจะค่อย ๆ พัฒนา
จนกลายเป็นการรู้แจ้ง เห็นจริงในตน
ซึ่งเป็นหนทางของการพ้นทุกข์
คนจริง ต้องลงมือจริง
ไม่ใช่รู้ด้วยความคิด
แต่รู้ด้วยใจที่สัมผัสตรง
ปฏิบัติให้แจ่มแจ้งในหัวใจของตัวเอง
ธรรมะนั้น ไม่ขึ้นอยู่กับวัน เวลา หรือสถานที่
ไม่ว่าเราจะเป็นพระหรือโยม ชายหรือหญิง
ทำอาชีพอะไรก็สามารถฝึกได้
ขอเพียงมี “ใจที่มั่นคง”
ไม่โลภ ไม่รีบ ไม่ทิ้ง ไม่ท้อ
และมีความเพียรที่ต่อเนื่อง
ภาวนาจนกลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวัน
ความสงบเย็น ก็จะเป็นสิ่งที่เข้าถึงได้…อย่างไม่ยากเลย
ขอให้ทุกท่านเจริญในธรรม
อ.บี กลุ่มเพื่อนรู้สึกตัว
29 เม.ย. 68